รวม 10 สถานที่สุดแปลกบนโลกที่แปลกซะจนน่าไปเที่ยว

ช่วงต้น-ปลายสัปดาห์นี้เรียกได้ว่ามีเหตุการณ์ต่างๆนาๆมากมายเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะสร้างความตึงเครียดให้หลายๆคน ส่วนเรื่องอะไรบ้างนั้นคงรู้ๆกันอยู่และไม่อยากพูดถึงเพราะเรื่องเหล่านั้นก็ค่อนข้างที่จะอ่อนไหว เกรงว่าจะเกิดราม่าเอาได้ อิอิ ยังไงซะวันนี้เป็นคอลัมพ์ประจำวันศุกร์คือศุกร์หรรษา ผมก็เลยนำเอาสถานที่สุดแปลกบนโลก ซึ่งไม่คาดคิดว่ามันจะมีอยู่บนโลกนี้มากฝากกันและหลากหลายสถานที่ก็มีความลึกลับซ่อนเร้นเค้นหาคำตอบและความจริงไม่ได้ เผื่อว่าจะช่วยลดความตึงเครียดของใครหลายๆคนได้ ^_^….

 

 

 

1. หินจอมดริฟแห่งชายหาด ” Racetrack Playa ”

หินจอมดริฟนี้มีชื่อเต็มว่า ” Sailing Stones ” เกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนี่ย อยู่ในอุทยานแห่งชาติ เดท วิลลี้ย์ ( Deat Valley ) โดยลักษณะคือ มีก้อนหินที่มีรอยลากเหมือนมันกำลังเคลื่อนที่มาเป็นทางยาว ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นเป็นแอ่งทะเลสาป พื้นดินมีสภาพเป็นดินเหนียวอ่อนๆ ประกอบจากดินเหนียวและตะกอนต่างๆ บริเวณที่เกิดรอยนั้นไม่พบรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตใดๆ

สิ่งที่ทำให้ผมตั้งชื่อเจ้าหินประหลาดแห่งหาดเรสแืทร็คแห่งนี้ว่าหินจอมดริฟคือลักษณะการเคลื่อนที่ของมันในบางช่วงนั้นเคลื่อนที่เป็นแนวโค้งซึ่งคล้ายการเข้าช่วงโค้งในการดริฟ ซึ่งสาเหตุของการเคลื่อนที่เองของหินเหล่านี้มีหลายสาเหตุแต่ยังคงเป็นเป็นเพียงทฤษฏีเชิงสมมุติฐานอยู่ มี 2 ทฤษฏี คือ 1. เกิดจากการพัดของลม 2. เกิดจากชั้นน้ำแข็งบางๆใต้ก้อนหินโดนลมพัดส่งผลให้ตัวก้อนหินนั้นเกิดการสไลด์ตัวออกไปเรื่อยๆ โดยปรากฏการหินเคลื่อนที่นี้มักจะเกิดขึ้นทุกๆ 2-3 ปี และการเคลื่อนที่ของมันั้นจะใช้เวลาประมา๊ณ 3-4 ปี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ความจริงว่าการเคลื่อนที่ของมันเกิดขึ้นจากธรรมชาติ ? สัตว์ หรือใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่างให้เราแปลกใจเล่นอยู่ ?

(ขอบคุณข้อมูลจากบอร์ด postjung.com ครับผม )

2. ดินแดนน้ำตกสรวงสวรรค์ นกอีก๋อย ลูกเสือเตี้ยป้อมและความฝันของปูคาร์ล ”  Mount Roraima ”

หากใครเคยดูอนิเมะชั่นเรื่ีอง ” UP ปู่ซ่าบ้าพลัง ” คำร้องอ๋อเมื่อเห็นสถานที่นี้ ซึ่งในเนื้อเรื่องนั้นจะกล่าวถึงการเดินทางร่วมกันของ ” รัสเซิล ” ลูกเสือสำรองตัวอ้วน กับ ” คาร์ล เฟร็ดดิกเซนต์ ” ชายแก่ขี้บ่น ขี้วีน ที่มีความฝันที่อยากจะเดินทางไปยัง ” น้ำตกสรวงสวรรค์ ” กับ ” เอลลี่  ” ภรรยาผู้ล่วงลับตามคำสัญญาร่วมกัน พร้อมกันนั้น มีนกประจำถิ่นอย่าง ” นกอีก๋อย หรือ เคลวิน ” นกยักที่รัสเซิลพบบนสถานที่แห่งนี้ หลายคนอาจจะคคิดว่าว่น้ำตกสร้วงสวรรค์หรือดินแดนที่ปู่คาร์ลไปนั้นอาจจะมีอยู่แค่ในการ์ตูน แต่ความจริงแล้ว ดินแดนแห่งนี้มีอยู่จริง!

จริงๆจะเรียกว่าเหมือนในแอนเ้มชั่นอาจจะไม่ถูก ต้องเรียกว่าเกือบจะใช่เลยก็ว่าได้ ชื่อจริงของดินแดนแห่งนี้มีชื่อว่ายอดเขา ” Mount Roraima (โรลาห์ อิม่า) ” โดยยอดเขาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อเมริกาใต้ พื้นที่นั้นมีขนาดครอบคลุม 3 ประเทศด้วยกัน คือ บราซิล เวเนซุเอลาและกียานา การเกิดยอดเขานี้มีการตั้งสมมุติฐานว่าอาจจะเกิดจากการกัดเซา่ะของลมและฝน ยอดเขาแห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่เก่าแก่ที่สุดจากเกิดจากการก่้อตัวทางธรณีวิทยา และสิ่งที่น่าสนใจวมากกว่านั้นคือมีการกล่าวว่าทีั่แห่งนี้มีสัตว์ประจำถิ่นอยู่ซึ่งดำรงชีวิตอยู่บนนี้มานาน อ๊ะ หรือว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะเป็นเจ้าตัวนี้…. (ขอบงคุณข้อมูลจากบล็อค 401g04.blogspot ครับผม )

3. ปลายทางของแม่้น้ำซันสึ ” The Door To hell ”

แม่น้ำซันสึ เป็นชื่อของแม่น้ำที่ว่ากันว่า้เป็นเส้นทางลำเลียงดวงวิญญาณไปสู่ ” นรก ” ตรามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ซึ่งปลายทางของมันนั้นอาจจะเป็นที่นี่ ” The Door To Hell ”

จริงๆแล้วที่นี่ไม่ใช่ประตูไปนรกจริงๆแต่อย่างใดนะครับ แต่คำว่าประตูนรกนั้นเป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยกันเฉยๆ โดยสภาพของมันั้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน ภายในหลุมนั้นเต็มไปด้วยแสงไฟจากการเผาไหม้ก๊าซอันร้อนระอุดั่งขุมนรก เหตุที่มันมีการเผาไหม้อย่างนี้เ้เป็นเพราะว่าการเผาไหม้ก๊าซในบริเวณนั้น ซึีงการเผาไหม้นี้ดำเนินมานานถึง 40 ปีแล้ว ( หลายชั่วอายุคนเลยนะนั่น  ) แถมยังทรา่บว่าจริงๆแล้วการเกิดการเผาไหม้นี้เป็นฝีมือของนัีกธรณีวิทยาที่ต้องเผาไหม้ก๊าซในบริเวณนั้นให้หมดไปในการขุดเจาะ แต่มันก็ลุกโชนมาจนถึงปัจจุบัน ( ซวยแท้เหลา )

ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่ประตูนรกที่แท้จริง แต่ถ้าโดดลงไปนี่อาจจะไปสู่นรกที่แท้จริงแน่ๆ =_= พูดละเสียว ไปสถานที่ต่อไปดีกว่า (ขอบคุณข้อมูลจาก วิชาการธรณีไทย.Com ครับผม )

4. แม่น้ำสีน้ำชา  ”  Rio Tinto ”

พูดถึงน้ำชาหลายท่านคนนึกถึงน้ำสกัดจากใบชาชนิดต่างๆ สีนั้นจะแตกต่างกันออกไปแต่ถ้าเป็นออริจินอลจริงๆคือ ” สีแดงอมน้ำตาล ”  ที่นี่ก็มีเหมือนกัน แถมมีเยอะเ้ป็นแม่น้ำเลยทีเดียว สถานทีท่แห่งนี้คือ ” Rio Tinto ( ริโอ ตินโต ) ”

ที่บอกว่ามันเป็นน้ำชาเพราะสีของน้ำนั้นมีสีแดงอมน้ำตาลเหมือนน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ แม่น้ำสายนี้อยู่ในประเทศสเปน มันไหลออกมาจากเหมืองแร่ที่มีการขุดเจาะมานานนับศตวรรษจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ และด้วยเหตุนี้เองทำให้มีแร่ธาตุนั้นไหลปะปนออกมากับน้ำด้วย ส่งผลให้น้ำนั้นมีสีแดงนั่นเอง หากใครมีโอกาศไปก็อย แหะๆ (ล้อเล่นนะครับ) (ขอขอบคุณข้อมูลจาก travel.thaiza.com ครับผม )

5. ดินแดนสนธยา ” Socotra ”

โซโคตรา เป็นเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยพรรณไม้แปลกๆมากมาย พร้อมกันนั้นยังสัตว์แปลกๆมากมายอาศัยอยู่ด้วย

โซโคตรานั้นเป็นเกาะขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลักๆอยู่ประมาณ 95 % อีก 5 เปอร์เ็ซ็นที่เหลือนั้นเป็นหมู่เกาะเล็กๆแยกออกไป เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย เป็นอนาเขตการปกครองของมหาประืเทศเยเมน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะนั้นมีื้นทีเป็นภูเขาสลับที่ราบสูง สิ่งที่แปลกตาคือ พืชพรรณต่างๆนั้นไม่เหมือนกับต้นไม้ทั่วๆไป เช่น ต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายต้นชวนชมบ้านเีรา่ หรือต้น ” เลือดมังกร ” ต้นไม้ขนาดใหญ่มีการแผ่กิ่งก้านออกเป็นรูปทรงของร่ม นอกจากนี้ยังมีทั้งสัตว์ที่มีลักษณะแตกต่างจากสัตว์ทั่วๆไปที่เราเห็นโดยสิ้นเชิง และไม่อาจพบได้ตามง่ายเพราะมีที่นี่ที่เดียว!

6. สามเหลี่มจอมเขมือบ !!! ” Bermuda ”

สถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นปัญหาโลกแตกของบรรดานักธรีณีวิทยา หรือนักสิทยาศาสตร์ทั้งหลายแหล่ ที่พยายามค้นหาว่าสรุปแล้วเจ้าพื้นทะเลสามเหลี่ยมแห่งนี้มันมีอำนาจจากอะไรกันแน่ที่สามารถดึงดูดเรือ เครื่องบินหรืออะไรก็แล้วแต่ให้จมดิ่งลงสู่ท้องทะเลได้ด้วยพายุ ทันทีที่เดินเข้าสู่บริเวณสามเหลี่ยมแห่งนี้

หลายคนอาจจะเคยได้ยินและได้เห็นเรื่องราวความน่าสะพรึงกลัวของ ” สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ” ที่ว่ากันว่า เมื่อมีสิ่งใดก็ตามโดยเฉพาะเรือหรือเครื่องบินแล่นเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้ จากที่ท้องฟ้าแจ่มใส่ไร้ภัยจะกลับกลายเป็นว่าเกิดพายุลูกใหญ่ก่อนที่มันจะดูดกลืน เขมือบและบดขยี้แล้วดึงสิ่งนั้นลงสู่กิ้นทะเลในบิรเวณนั้นในเวลาต่อมาเหมือนปลาหมึกที่ตะวัดหนวรัดเหยื่อแล้วดึงมากินอย่างสบายใจเฉิบแล้วทิ้งซากลง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมีการตั้งสมมุติฐานและทฤษฏีต่างๆขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครอธิบายได้แน่ชัดเจนแจ่มแจ้งวง่ารมันเกิดจากอะัไรกันแน่ =_=( ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia ครับผม )

7. ณ ที่แห่งนี้ แรงโน้มถ่วงไม่มีอำนาจ ” Mystery Spot ”

สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกมาก แถมสามารถเข้าไปสำผัสความแปลกได้ด้วยตัวเองได้ด้วย ที่นี่มือชื่อว่า ” Mystery Spot ”

Mystery Spot นั้นตั้งอยู่ใกล้ๆกับเมืองซานตาครูซ รัฐแคร์ลิฟอรฺ์เนีย ที่บอกว่าแปลกนั่นก็คือ ที่นี่นั้นมีลักษณะอย่างกับว่าแรงโน้มถ่วงไม่มีอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าที่นี่นั้นจะทำไห้คนอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักนะครับ เพียงแต่ว่า การวางตัวของสิ่งปลูกสร้างต่างๆนั้นจะอยู่ในแนวราบ แต่าการมองเห็นนั้นจะอยู่ในแนวเอียง และเช่นเคยยังไม่มีทฤษฏีไหนบ่งบอกถึงความจริงได้ชัดเจนอีกเช่นกัน ไม่รู้ว่าที่นี่เกิดจากธรรมชาติหรือเป็นเพียงการเล่นกลหลอกตากันแน่ ใครอยากลองก็เชิญไปสำผัสกันดูได้ครับผม

8. เกาะแห่งชายแปลกหน้า ” Easter Island ”

นับเป็นสถานที่ที่ดูพิศวงไม่แพ้สถานที่อื่นๆที่กล่าวมาก ความพิศวงของมันนั้นเห็นได้ชัีดเจนคือรูปปั้นคล้ายคนขนาดมหึมาปริศนาที่คาดว่าเกิดจากการแกะสลัก สิ่งที่น่าแปลกและน่าสงสัยคือ “จุดประสงค์ของมันคืออะไร มันมาได้ยังไง แล้วใครเป็นคนทำ และมนุษย์ยุคก่อนนั้นใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยีอะไรในการเคลื่อนย้ายมันมา่ที่นี่ ”

” โมอาย ” เป็นชื่อเรียกที่ถูกตั้งขึ้นของบรรดารูปแกะสลักหินอันใหญ่โตที่วางตั้งเรียงรายอยุ่บนเกาะอิสเตอร์ มีการกล่าวว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการขุดเจาะไปถึงรากเง่าของคนบนเกาะอิสเตอร์ถึงระดบัผู้เฒ่าผู้แก่เรื่องโมอาย ซึุ่งได้รับคำตอบมาว่า ” มันเดินลงมาเอง ” (หา!! หินเดินได้ ) ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อแน่นอน และที่สำคัญสิ่งที่น่าสสงสัยไปกว่านั้นคือเขาใช้อะไรในการแกะสลัีกหินที่มีความแข็งแรงขนาดนี้กัน แถมไม่ใช่แค่แกะสลักตัวเดียวดันไปสลักเอาทั่วเกาะ รวมแล้วประมาณ 900 ตัว ( ถ้า 1 ตัวคงใช้เวลานานเป็นปี นี่เก้าร้อยตัวไม่ใช้เวลาเป็นร้อยปีเลยหรือ ) ซึ่งตออนนี้ได้มีการสรุปออกมาแล้วว่าเจ้าโมอายนั้นเกิดจากการแกะสลักของชนเผ่าเดิมบนเกาะหรือชาวโพลีโนเชียน โดยใช้หินภูเขาไฟในการแกะสลักซึ่งมีความแข็งแรงมากกว่าหินที่ใช้เป้นหุ่นของโมอายนั่นเอง ( ข้อมูลจาก tumnandd.com )

9. น้ำพุร้อนสีรุ้ง ” Grand Pismatic ”

พูดถึงบ่อน้ำพุร้อนสีรุ้งทั่วๆไป หลายคนคงนึกภาพบ่อน้ำใหญ่ๆ มีน้ำอุ่น – ร้อน บางที่ร้อนจนสามารถต้ม ” ไข่ตุ้ม (ขอตามกระแสลำยองหน่อย ฮิฮิ ) ” ได้เลยทีเดียว แต่ที่นี่ จะเปลี่ยนอิมเมจเหล่านั้นของคุณไปโดยปริยาย ไม่มีแอ่งหรือบ่อที่มีแต่โขดหินธรรมด แต่ที่นี่เป็น ” สีรุ้ง ” ภายใต้ชื่อ ” Grand Pismatic ”

เจ้าบ่อน้ำร้อนแห่งนยี้มีสถิติที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ของโลกอันดับ 3 บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา ลัุกษณะของแกรนด์ พิสเมติก นั้นจะเป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ใจกลางพื้นที่ราบ ตัวน้ำกลางบ่อนั้นจะมีสีฟ้ารอบๆบริเวณบ่อนั้นจะเป็นสีส้มเข้มและสลับกับเหลือง สาเหตุที่มันมีสีที่แตกต่ีางกันออกไปนั้น นักวิทยาศาสตร์กล่าาวว่า อาจจะเป็นเพราะแบคทีเรียในบริเวณนั้นเจริญเติบโตได้เร็วมีจำนวนมาก แถมในบริเวณนั้นมีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์มาก ส่งผลให้บริเวณพื้นที่นั้นเป็นสีส้มนั่นเอง ( กรณีนี้เหมือนน้ำสีแดงของ ริโอ ตินโต ) ถ้าหากถ่ายรูปในมุมมองต่างๆจะได้ภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว

10. สะพานทรายข้ามสมุทร ” ทะเลแหวก ”

พาไปอันซีนเมืองนอกซะเยอะแล้วขอพามาอเมซิ่งอินไทยแลนด์ปิดท้ายกันบ้างกับ ” ทะเลแหวก ” ในจังหวัดกระบี่ ทะเลแหวกนั้นเป็นปรากฏการทางธรรมชาติที่มีความเกี่ยวพันกัีบปรากฏการน้ำขึ้นน้ำลงซึ่งส่งผลให้สันทรายนั้นได้ปรากฏขึ้นมา สันทรายเหล่านี้นั้นเชื่อมต่อกับเกาัะ 3 เกาะั ได้แก่ เกาะทับ เกาะหม้อและเกาะไก่ ซึ่งเมื่อสันทราบปรากฏขึ้น สามารถเดินบนสันทรายไปยังเกาะต่างๆได้ เหมือนสะพานที่เชื่อมระหว่างกัน แต่ะว่าทะเลแหวกก็มีเวลาทำการนะครับซึ่งจะเป็นเวลาตามะรรมชาติ โดยจะเปิดทุกๆก่อนและหลัง 15 ค่ำประมาน 5 วัน  ( ขอขอบคุณข้อมูลจาก kapook.com ครับผม )

ที่มา : http://oknation.nationtv.tv/blog/alicentIT/2013/11/08/entry-1

Leave a comment